ชับบ์ ไลฟ์ ประกันเพื่อการศึกษาลูก การศึกษาที่ดี ช่วยให้ลูก ประสบความสำเร็จในอนาคต

skip to main content

ประกันเพื่อการศึกษาลูก

การศึกษาที่ดี ช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคต แผนประกันชีวิตที่มีรวม
ความคุ้มครองชีวิต พร้อมการออมเงินและการลงทุน
ช่วยเพิ่มสินทรัพย์ในอนาคตของลูก

มอบการศึกษาที่ดีให้กับลูก
แบบประกันเพื่อการศึกษาลูก

24 ทีเอ็กซ์

ช่วยดูแลลูกรักของคุณ ตั้งแต่วัยทารกจนถึง 90 ปี ด้วยเงินคืนระหว่างสัญญาที่แน่นอน ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงอายุ 90 ปี พร้อมความคุ้มครองชีวิตที่เพิ่มมูลค่าสูงสุดถึง 390% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น

12 ทีเอ็กซ์

เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับครอบครัว ให้ความคุ้มครองชีวิตยาวนานถึงครบอายุ 90 ปี พร้อมด้วยผลประโยชน์เงินคืนที่แน่นอนตลอดสัญญารวมสูงสุด 1,175% ด้วยระยะเวลาการชำระเบี้ยเพียง 12 ปี ดูแลคนที่คุณรักได้อย่างยาวนาน

ทําไมต้อง ชับบ์ ไลฟ์

ชับบ์ ไลฟ์ พิถีพิถันเพื่อส่งมอบแบบประกันชีวิตที่ดีที่สุดเพื่อคุณ

ชับบ์ ไลฟ์ เป็นบริษัทประกันชีวิตระดับสากลของกลุ่มบริษัท ชับบ์
สำหรับเอเชีย ชับบ์ ไลฟ์ ดำเนินธุรกิจในฮ่องกง อินโดนีเซีย เกาหลี ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม รวมถึงการเป็นบริษัทร่วมทุนในประเทศจีน

ชับบ์ ไลฟ์ ได้เข้ามาให้บริการด้านประกันชีวิตในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2544 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการความคุ้มครองและมั่นคงทางด้านการเงินของลูกค้าแต่ละราย ชับบ์ ไลฟ์ ในประเทศไทย หรือ บมจ. ชับบ์ ไลฟ์ แอสชัวรันซ์ มอบบริการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตหลากหลายประเภท ทั้งการประกันชีวิต เพื่อความคุ้มครอง เพื่อการสะสมทรัพย์ การประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ รวมถึงการประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังให้บริการด้านการประกันชีวิตกลุ่ม ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายประกอบด้วย ช่องทางตัวแทน บริษัทนายหน้า ธนาคาร และพันธมิตรธุรกิจ

บทความ

เริ่มต้นอย่างไร? 4 ขั้นตอนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก

คุณพ่อคุณแม่ต่างก็คงอยากเห็นลูกน้อยเจริญเติบโตอย่างสมวัยและสมบูรณ์แข็งแรง แต่ด้วยสภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตในปัจจุบันทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายมากขึ้น

8 วิธี สอนลูกออมเงินอย่างสนุก ปลุกจิตสำนึกรักการออม

วัยเด็กเป็นวัยเรียนรู้ ครอบครัวควรเริ่มสอนการเก็บออมตั้งแต่วัยนี้เพื่อที่เมื่อโตขึ้นเขาจะได้มีนิสัยและวินัยที่ดีในการใช้จ่าย เห็นได้ชัดว่าวัยเด็กเป็นวัยแห่งเรียนรู้

เปิดบัญชีให้ลูก ส่งเสริมการออมเงินตามวัย เตรียมพร้อมสู่อนาคตที่มั่นคง

การออมเงินนั้นสามารถฝึกได้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยอาจจะเริ่มที่วัย 2 ขวบขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่พอจะเรียนรู้ว่าของสิ่งใดห้ามนำเข้าปากแล้ว

คําถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประกันเพื่อการศึกษาลูก

ประกันการศึกษาลูก เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถสะสมเงินเพื่อใช้จ่ายในการศึกษาของลูกหลานได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการจ่ายเบี้ยประกันเป็นรายงวดหรือรายปี และจะได้รับเงินคืนเพื่อให้ลูกหลานสามารถเข้าศึกษาในระดับที่ต้องการ

การศึกษาถือเป็นรากฐานสำคัญในชีวิต ช่วยให้ลูกมีทักษะความรู้ พัฒนาศักยภาพ และโอกาสในการประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการศึกษา ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นทุกปี การทำประกันเพื่อการศึกษาช่วยให้สามารถวางแผนและเตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ล่วงหน้าได้

  • สร้างวินัยในการออมเงิน: การทำประกันเพื่อการศึกษา จะช่วยให้พ่อแม่มีวินัยในการออมเงิน เพราะจะต้องจ่ายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีเงินเก็บเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรในอนาคต

  • ผลตอบแทน: ประกันเพื่อการศึกษามีหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป บางประเภทมีการรับประกันผลตอบแทนที่แน่นอน ช่วยให้เงินออมมีโอกาสเติบโตมากกว่าการฝากเงินออมทรัพย์

  • ความคุ้มครองชีวิต: ประกันเพื่อการศึกษาบางประเภท มีความคุ้มครองชีวิตแก่ผู้เอาประกัน หากผู้เอาประกันเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา เงินทุนประกันจะจ่ายให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งสามารถนำไปใช้สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรได้

  • ทุนการศึกษา: เงินที่ได้รับจากประกันเพื่อการศึกษา สามารถใช้เป็นทุนการศึกษาต่อระดับที่สูงขึ้น เช่น มหาวิทยาลัย หรือศึกษาต่อต่างประเทศ 

การทำประกันเพื่อการศึกษาลูกมี 2 ทางเลือกหลัก คือการซื้อประกันในนามบุตรและการซื้อในนามพ่อแม่ แต่ละทางเลือกมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน

1. การซื้อประกันในนามลูก มีข้อดีคือเบี้ยประกันมักจะถูกกว่า เนื่องจากผู้เอาประกันมีอายุน้อย ทำให้สามารถสะสมเงินทุนการศึกษาได้มากขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของการซื้อในนามลูกคือ ไม่สามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้

2. ในทางกลับกัน การซื้อประกันในนามพ่อแม่ มีข้อดีที่สำคัญคือสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด ซึ่งอาจช่วยลดภาระภาษีโดยรวมของครอบครัว แต่ข้อจำกัดของทางเลือกนี้คือเบี้ยประกันอาจสูงกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อในนามบุตร เนื่องจากผู้เอาประกันมีอายุมากกว่า

การเลือกระหว่างสองทางเลือกนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์หลักและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละครอบครัว ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันเพื่อตัดสินใจเลือกแบบประกันที่เหมาะสมที่สุด

ประกันการศึกษาลูก แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งมีความคุ้มครอง ผลตอบแทน และเบี้ยประกันที่แตกต่างกันไป คือ

1. ประกันสะสมทรัพย์

  • เน้นการออมเงินเพื่อการศึกษาของบุตร พร้อมกับมีการคุ้มครองชีวิต
  • เมื่อถึงปีที่กำหนด ผู้ปกครองจะได้รับเงินก้อนเพื่อใช้เป็นทุนการศึกษา
  • มีผลตอบแทนที่แน่นอน แต่ค่อนข้างต่ำ
  • เบี้ยประกันไม่สูงมาก เหมาะกับครอบครัวที่มีงบประมาณจำกัด
2. ประกันชีวิตควบการลงทุน

  • มีการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทน
  • มีความเสี่ยงมากกว่าประกันสะสมทรัพย์ แต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่
  • เหมาะกับครอบครัวที่มีความสามารถทางการเงิน และรับความเสี่ยงได้
  • เบี้ยประกันค่อนข้างสูง

3. ประกันชีวิตแบบมีกำหนดระยะเวลา

  • คุ้มครองชีวิตของผู้ปกครองในระยะเวลาที่กำหนด
  • หากผู้ปกครองเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด ลูกจะได้รับเงินคุ้มครองเพื่อการศึกษา
  • เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการความคุ้มครองชีวิต ควบคู่ไปกับการออมเงินเพื่อการศึกษา
  • เบี้ยประกันไม่สูงมาก

การเริ่มทำประกันการศึกษาลูกตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น เนื่องจากเงินจะมีระยะเวลามากในการสะสมและเติบโต ดังนั้น ผู้ปกครองควรเริ่มทำประกันการศึกษาลูกตั้งแต่ลูกหลานยังเล็ก เช่น ตั้งแต่แรกเกิด หรือช่วงอายุ 0-5 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาในการสะสมเงินมากที่สุด

เมื่อเลือกประกันเพื่อการศึกษาลูก มีสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา ดังนี้

1. ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์

  • ตรวจสอบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ที่กรมธรรม์ให้ เช่น วงเงินคุ้มครองต่อปี วงเงินคุ้มครองตลอดระยะเวลาเรียน ค่าเล่าเรียน ค่าหอพัก ค่าหนังสือ เป็นต้น
  • พิจารณาว่าความคุ้มครองเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการศึกษาของลูกหรือไม่

2. ระยะเวลาคุ้มครอง

  • ตรวจสอบระยะเวลาคุ้มครองว่าครอบคลุมตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนจนจบการศึกษาระดับที่ต้องการหรือไม่
  • พิจารณาว่าระยะเวลาคุ้มครองเหมาะสมกับแผนการศึกษาของลูกหรือไม่

3. เบี้ยประกันภัย

  • เปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยจากบริษัทประกันต่างๆ เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
  • พิจารณาว่าเบี้ยประกันภัยเหมาะสมกับงบประมาณที่มีหรือไม่

4. ข้อยกเว้นความคุ้มครอง

  • ตรวจสอบข้อยกเว้นความคุ้มครองในกรมธรรม์ว่ามีข้อจำกัดใดบ้าง
  • พิจารณาว่าข้อยกเว้นความคุ้มครองอาจส่งผลกระทบต่อลูกหรือไม่

5. ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน

  • เลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ มีฐานะการเงินมั่นคง และมีประสบการณ์ในการให้บริการ
  • ตรวจสอบข้อมูลและประวัติของบริษัทประกันก่อนตัดสินใจ

การเลือกประกันเพื่อการศึกษาลูกที่เหมาะสมนั้น ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ร่วมกับความต้องการและงบประมาณของครอบครัว เพื่อให้ได้แผนประกันที่คุ้มค่าและสร้างความมั่นใจในอนาคตของลูก